ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งไกลห่าง
เรามีทฤษฎีสอนตัวเองว่า ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งไกลห่าง
ครั้งหนึ่ง เรามีความรักกับคนที่ รู้จักกันอย่างผิวเผิน...เขาน่ารัก และสนใจฉันมาก
เราคุยแลกเปลี่ยนทัศนติหลายอย่าง ...มันนานเท่าไหร่นะ ฉันลืมไปว่ามันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
วันแรกที่รู้จักกัน ฉันนึกว่าเขาเป็นผู้หญิง ชื่อของเขาคล้ายผู้หญิงมาก แต่เมื่อได้รู้จักกัน ถึงได้รู้ว่า เขาเป็นหนุ่มน้อย ที่อายุห่างจากฉัน 2 ปี เขาไม่ได้เรียกฉันว่าพี่ เขาให้ความสนิทสนมกับฉัน อย่างเพื่อน ...ทุกคืนเราจะได้พบกันผ่านหน้าต่างสี่เหลี่ยม ทุกคืน จนฉันกลัว...กลัวจะกลายเป็นคนที่กลัวแสงอาทิตย์ เวลาของเรามีจำกัด มันน้อยมาก ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ในโลกเสมือน ฉันขอให้เขาโทรศัพท์ปลุกฉันทุก 6 โมงเช้า ซึ่งเขาจะตื่นเวลานั้น
เขาแปลกใจที่คนทำงานและเรียนไปด้วยอย่างฉัน มีเวลานอนน้อยมาก...ในเวลานั้น แดดยามเช้าดูอบอุ่นกว่าทุกวัน ฉันตื่นขึ้นมาเพื่อรอโทรศัพท์ของเขา ฉันตื่นก่อนเขาจะโทรมา ใจยังหวังว่า เขาจะไม่ลืม ใช่แล้ว เขาไม่เคยลืม เขาทำตามคำขอเสมอ
และเขาก็ทำตามที่หัวใจของเขาขอเช่นกัน ในคืนที่เราไม่ทันรู้ตัว เขาขอให้เราเลิกติดต่อกับเขา เลิกคุย เลิกพูด เลิกโทรหา และบอกอีกว่า ตื่นเอาเองบ้าง เบื่อจะปลุกแล้ว...คำมันแรงกว่าที่ฉันทบทวนมาก มันคือฝันร้ายที่ฉันไม่เต็มใจฝัน ฉันรู้ว่าทุกอย่างจะเรียกว่าสมมติขึ้นก็ได้ เช่นกันกับเวลาที่เธอมาอ่านสิ่งที่เขียนนี้ มันไม่ใช่ความจริงในโลกที่เราแบ่งกันหายใจ เข้า-ออก
ฉันน่ารำคาญหรอกหรือ...คืนก่อนหน้านั้น เราคุยกันถึงเช้า มันเป็นลางบอกเหตุ เขาพูดขึ้นว่า
"ฉันอาจเป็นเงาของแก เป็นอดีตของแก ถ้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าไม่มีฉัน แกจะทำไงวะ"
ฉันไม่รู้หรอกในเวลานั้น แต่เวลานี้ฉันนรู้แล้ว "ฉันคิดถึง"
ทฤษฎีเก่าๆของเรา ยังปรากฎรูปจริงเสมอ
คนเรายิ่งเข้าใกล้บางอย่าง ยิ่งไกลห่างจริงๆ...เช่นวันนี้
เพียงเพราะคำว่า ที่ว่าง พื้นที่ของกันไม่ได้ถูกแบ่งเผื่อไว้ในวันหน้า จึงมีเพียงควันจางของมิตรภาพ บทเพลงที่เขาชอบ เรื่องเล่า และเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม นิ้วมือและขนมปังที่เคยกินอวด ในคืนหนึ่งที่เขาเริ่มหิวระหว่างคุย
ความคิดถึง ทำให้เรานอนดึกแบบนี้อีกแล้ว หวังว่าเช้าขึ้นมาเราจะไม่ได้รอการโทรมาปลุกของใคร...เราหวังว่า จะไม่รอ
7 Comments:
อ่านแล้วเฮิร์ทจังเลย
ทำร้ายจิตใจมากๆ
อ่านดูมันเหมือนเรื่องที่เล่ารวบรัดไปนิด
ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวเท่าไหร่จ้ะ
อ่านจบรู้อย่างเดียวว่าเฮิร์ท เฮิร์ท
มากด้วย
จริงๆ จ้ะ
เสียงโทรศัพท์ตอนเช้าพอเข้าใจ...ผมจำได้
ที่อยากได้ยินไม่ใช่เสียงของโทรศัพท์...แต่เป็นเสียงของคนในสาย
บางครั้งช่วงที่แย่ที่สุด...คือการเปลี่ยนแปลง
เพราะว่าเราไม่ได้หวังอะไรเลย...เพียงแค่ว่าขอตื่นมาแค่เห็นมิสคอลก็ยังดี
จริงด้วย
แค่นั้นก็คงดี...วันนี้ตื่นสายอีกแล้ว เพราะตื่นตอนตี 4กว่าๆเกือบตี 5 มีคนโทรมาให้ออนเอ็มคุยกัน
กว่าจะได้นอนอีกที เกือบ 6 โมง
นี่แหละช่วยให้ไม่ต้องรอใครมาปลุกตอน 6 โมงเช้า
กับวันอาทิตย์ที่นอนยาวๆได้ถึงบ่าย แต่ลุกขึ้นมาทำงานดีกว่า อยากเป็นนักเขียน
พี่วินทร์สั่งไว้ อึดไว้ เนี่ยแหละที่อ้อยจำแม่น
อืม ชีวิต!
เห็นด้วยกะพี่สิบฯ ว่าเราแค่อยากได้ยินเสียงคนปลายสาย หรือไม่มิสคอลมาก็ยังดี
ทรมานๆๆ
ตอนนี้ได้ยินแต่เสียงไก่ข้างบ้าน
ตี 2 มันก็ขันแล้วอ่ะ
...
..
.
ไกลเท่าเดิม
http://www.icygang.com/jukebox/media_file/Hydra-glai_tao_derm.wma
**จำไว้เถิดว่า..น้ำตาที่หลั่งออกมาจากหัวใจนั้น...ไม่เหน็บหนาวเลย**
ทุกอย่างบนโลกใบนี้นั้น เกิดขึ้นมาและก็ดับสูญทุกอย่าง แต่ความรู้สึกดีดีไม่เคยสูญหายจากใจ
จำไว้
Post a Comment
<< Home