1554 Better late than never.

บนทางฝัน แน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเวียนเข้ามาทักทาย เม่นน้อยในอ้อมแขนพร้อมสลัดขนแหลมทำร้าย ... ถ้าเลือกจะทำแล้ว อดทนเท่านั้น

Thursday, October 05, 2006

เงาของความเหงา - ร่องรอยของความสุข

เงาของความเหงา ซ่อนตัวอยู่ที่ใดหรือ

ในงานเขียน บทกวี และคำประพันธ์หลายหลาก หรือแม้แต่ในคำพูดของใครบางคน คำนี้เพียงคำเดียวที่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่ร่าเริง ในขณะที่กำลังพบความสุข ซึ่งบดบังความทุกข์ที่อยู่ลึก.. ลึกจนก้นบึ้งหัวใจ

ความรู้สึกบางอย่างที่แทรกตัวอย่างเงียบเชียบ ค่อยแผ่ขยายพองตัวเมื่อยามที่เสียงหัวเราะ ค่อยๆจางหาย รอยคิ้วที่โค้งสนุก วางตัวคล้อยลงต่ำอย่างล้าเหนื่อย กี่นาทีกันกับเสียงหัวเราะ กี่ชั่วโมงกันกับความโดดเดี่ยว

เสียงดนตรีทำนองเก่า ดังมาไกลๆ เพลงที่ครั้งหนึ่งเคยประกอบบทประพันธ์ของสองพ่อลูก ช่วยกันนวดดิน และปั้น ปั้น ปั้น ความสนุก และเสียงหัวเราะ ในเวลานั้น สิ่งที่เด็กน้อยไม่มีวันเข้าใจ นั่นคือ เงาแห่งความเหงา

เด็กน้อยเหงา พ่อทดแทนด้วยรอยยิ้ม การใช้ชีวิตของคนที่ไม่อาจกำหนดรูปร่างครอบครัวได้ เป็นความจริงที่แสนเจ็บปวด ทรมานทุกครั้งที่ต้องโบกมือลาจากกัน ทั้งที่ น่าจะอยู่คุย อยู่เล่นด้วยกันก่อน

"พ่อ..ไหนว่าจะสอนปั้นดินไง"

มันอาจเป็นเพียงฉากหนึ่งของละครหลังข่าว มันอาจเป็นเพียงบทละคร แต่สำหรับบางคน อาจเป็นผู้แต่ง ผู้ชม ผู้เล่น บทบางบทที่มีอยู่ ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริง ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยประสบ เขาเคยได้รู้สึกถึงความเหงา ที่แทรกตัวเข้ามาแทนที่ความสุข รอยยิ้ม เสียงพูดคุยระหว่างกัน ระหว่างพ่อกับลูก

ความรู้สึกที่ไม่อาจเรียกว่า สุข ทุกข์ หรือความเหงา...จะเรียกอย่างไร จะจับแยกออกมาอย่างไร ในเมื่อมันคละเคล้าเสียจน ไม่อาจแยกขาดได้...ในความเหงาก็มีร่องรอยของความสุข

เวลาฝนตกลง ระหว่างที่ฝนเริ่มซา ความเหงาเข้ามาทักทายอีกครั้ง...หนักหน่วงกว่าเมื่อตอนฟ้าคำราม และลมพัดรุนแรง ...กับคนที่อยู่ลำพังด้วยแล้ว จะเรียกว่าทุกข์หรือสุขดีนะ ในเมื่อภาพความหลังเก่าๆ พี่น้องเล่นสร้างบ้าน ผ้าห่มผืนบางที่แย่งกันห่มนอนเพราะเย็นสบาย หมอนเรียง
เป็นผนังกั้น บ้านของเราสองพี่น้อง บ้านที่สร้างขึ้นในบ้านสวนเรือนไม้ พื้นกระดานเย็นเยียบ...เสียงหัวเราะกับบ้านที่เราสร้าง พี่นอนขดตัว น้องนอนเกยกัน มันทำให้ยิ้มได้นะ นี่ไงความสุขเกิดขึ้น เกิดขึ้นมาจนได้




***กีรติเคยเขียนบทกวี "ดนตรีในความเงียบ" ไว้ให้

จังหวะของเพลงหนึ่ง
คล้ายคลึงกับลมหายใจเข้า-ออก-เข้า-ออก
ซึ่งซ่อนความอ่อนไหวและความลับของความรู้สึก

ในหัวใจเรา มีจังหวะการเต้นที่ต่างกับจังหวะของการหายใจนะ
มันต่างกันจนคล้าย และคล้ายกันจนต่าง
เมื่อรู้ว่าเหมือน เห็นจะเป็นนาทีที่ไม่หายใจ จนจังหวะการเต้นสงบลงเช่นกันเป็นเช่นเดียวกันในที่สุด_____________________________เขาเรียกว่าตายนี่นะ

บทเพลงคล้ายการหายใจ
จังหวะเคลื่อนไปเสมอจนจบเพลงนั้น
ระหว่างจังหวะในเสียงดนตรี คือการเต้น
ของใจตนมันอาจเดินช้า หรือเร็วกว่า

ดนตรีในความเงียบ...เธอเคยได้ยินไหม
เสียงของความเงียบ เธอเคยได้ยินหรือเปล่า
ไพเราะหรือแสนเศร้า แล้วใครกันนะที่บรรเลงเพลงนี้
ใช่ตัวเธอไหม หรือใครกัน

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างฟังเพลง..เพลงแห่งความเงียบ
มันอาจดังเสียยิ่งกว่าเพลงนั้น
ดังเสียจนทำให้โลกทั้งใบเงียบใบ้
เช่นกันกับหัวใจที่ล้าเหนื่อยของเธอ___________________________ โลกเงียบไปแล้ว

ลมเอย เสียงของเธอช่างไพเราะ
หูของฉัน...ใจของฉันบอกกับฉันว่า
ในโลกเงียบเชียบเช่นนี้
เธอคือดนตรีที่ไพเราะเหลือเกิน เจ้าลมหายใจ

2006-06-24 19:05:52/กีรติ

เงาของความเหงา - ร่องรอยของความสุข...ฉันไม่เคยแยกออกมาให้รู้สึกอย่างกระจ่างได้สักครั้งเลย

5 Comments:

Blogger keerati said...

ศักดิ์สิริ มีสมสืบ...เพลง ทะเลฉันรักเธอ

----------------


เมื่อเผชิญหน้าทะเล ในค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงา
ระยิบดวงรวงดาว กระพริบพราวหยาดแวววิน
คลื่นภูพราวขาวพราย กระซิบเพลงสั่งฝั่งแผ่นดิน
ฝากถวิลฝั่งชีวินฉันหวั่นไหว

จะบอกอะไรหรือทะเล มีถ้อยคำใดฝากฉัน
ล้ำลึกเพียงไรกัน ฉันสักวันจะเข้าใจ
หลับเกินทนมาพบเธอ น้ำตาเอ่อหลั่งรินไหล
ปล่อยไปเจือจางกลางใจเจ้าทะเล

ผ่านร้อยแดนแผ่นดิน ล้มลงสักกี่ครั้ง
ทรนงคงยัง ลุกสู้ยืนหยัดยืนยัน
หากแผ่นดินคือความจริง ทะเลดุจดั่งความฝัน
คลื่นและทรายคือคำจำนันต์จากภายใจ

แผ่นดินดูมั่นคง แต่ทะเลดูอ่อนไหว
จะอย่างไร ทะเล...ฉันรักเธอ


ทำให้อ้อยเขียนบทนี้ต่อความรู้สึก

~ทิวเขาตรงหน้า เอ่ยถ้อยเจราจาต่อฉัน
เด็กน้อยฟังสิ ฉันร้องเพลง
ดังก้องฟ้า..ดังจนเรียวป่าโบกพริ้ว
ลมแรงที่ได้พบ นี่คือจังหวะที่สดใส~

~ได้ยินหรือไม่ เด็กน้อยแก้มแดง
ฉันร้องเพลงนี้ให้เธอ เพื่อเธอ
หวังกล่อมให้หัวใจได้พบสุข
และลืมเลือนความเจ็บปวดบางอย่าง~

~ทุกที่ล้วนมีบาดแผล
มาสิใช้ใจฟังเพลงที่ฉันร้อง
หลับตา แล้วตั้งใจ..เธอจะค้นพบ
คู่สนทนาในตัวเธอเอง~

~ฉันได้ยินแล้วขุนเขา
แม้แผ่วเบาแต่ชัดเจน
เพลงกล่อมเอ้อละเหยชวนหลับ
เธอร้องเพลงนี้...ฉันได้ยิน~

~จริงอย่างคำเธอว่า
ทุกที่มีบาดแผลไม่เว้นขุนเขา
นี่ต่างหากคือร่องรอยของชีวิต
ความหมายที่แท้ของการดำรงอยู่~

~อีกไม่นานหรอกนา
ฉันจะเป็นผู้กล่อมนิทราให้เธอบ้าง
ยอดเขาอันแสนไกล
วันนั้นหวังว่าเธอยังรอใช้หัวใจรับฟัง~



เรียกว่า รู้ว่าความรักมีพลังจริงๆ
ต้องขอบคุณอากาศกวีมากๆ ที่มีเพลงเพราะๆในบลอค
ให้อ้อยได้มีความสุข ได้ร้องตาม ได้พยายามถอดเนื้อเพลงออกมา

คืนนี้มีความสุขแล้ว

12:30 AM  
Anonymous Anonymous said...

โห!
พอแกะเพลงออกมาเป็นตัวหนังสือแล้ว
มันสวยจริงๆนะ คำของคุณศักดิ์สิรินี่

ส่วนอักษรของปลายฝนนี่ก็ไม่ยิ่งหย่อน

เขาว่ากันว่า
เมื่อฝนตกทีคนก็มักคิดถึงคนรักทุกครั้ง
เพราะสายฝนมีเบื้องหลังคือความรักต่างหาก
มีคนว่า
ที่ฝนตกก็เพราะคิดถึงผืนดิน สายฝนอยู่บนฟ้า
แผ่นดินอยู่ต่ำกว่า
ฟ้าจึงส่งสายฝนลงมา
บรรยากาศเลยพาลให้เราได้คิดถึงใครสักคน
ที่เรารักเมื่อฝนตก

7:57 AM  
Anonymous Anonymous said...

พ่อเท่มากเลยจ้ะน้อง
แต่เขียนถึงนิดเดียวเอง

เรื่องความเหงา
สงสัยโนคอมเมนต์นะ
เข้าใจว่าตัวเองอยากเหงา
คือยุ่งมากจนไม่มีเวลาเหงา
แต่มองอีกแง่
อาจจะเป็นเพราะมันชินแล้วหรือไงนา :)

4:08 AM  
Blogger keerati said...

ตัวจริงของพ่อ เท่ห์มาก

คิดว่า ต่อไป ถ้าแก่ตัวลงแล้วเป็นอย่างพ่อ จะภูมิใจไม่น้อย


ขอบคุณพี่'ปรายนะคะ อ้อยก็เหงาๆแบบงีบๆๆ เป้นบางเวลา แต่รับรอง เหงาทุกวัน

อิอิ

11:12 AM  
Anonymous Anonymous said...

ผมชอบงานพี่นะ บางอารมณ์สื่ออกมาได้ดีเหลือเกินครับ เหงาก็พาให้เหงาตาม สนุกก็สนุกตาม

12:21 AM  

Post a Comment

<< Home