ป่าช้านคร
•เสียงหวีดหวิวลิ่วลมคมบาดหู
ระริกกู่ก้องฟ้องร้องเรียกหา
อ้อมกอดอุ่นที่พลัดพรากจากกันมา
ติดตรึงตราเพียงหลับฝันวันล่วงเลย
• แม่เคยป้อนนมให้ร่างกายแกร่ง
กระชับแรงเติบโตโอ้อกเอ๋ย
ผ่านกี่ปี กี่คืนค่ำ ย้ำรำเพย
ที่พัดเผยความคิดถึงจึ่งติดตาม
• เพียงเพื่อถามแม่จ๋าสบายไหม
ผืนนาไร่เราร้างอ้างคำถาม
ที่เคยปลูกเคยพรวนดินถิ่นเงินงาม
ไม่ครั่นคร้ามหวามเกรงต่อเภทภัย
• ตากับยายตายแล้วแม่ไม่รู้
ที่ที่อยู่หลุดจำนองน้ำตาไหล
ผืนดินที่เคยชุบเลี้ยงเสบียงใจ
ไม่เหลือแล้วหรือไรให้ทำกิน
• มาเมืองใหญ่ผู้คนคล้ายไร้ชีวิต
ช่างเบือนบิดจากที่ฝันหมั่นถวิล
ว่าเมืองฟ้าเมืองธิดาพาใจบิน
หัวใจสิ้นโรยแรงแพลงหัวใจ
• สองเท้าเปล่าของลูกเริ่มสั่นทัก
เหนื่อยเหลือนักจักตามหาแม่ที่ไหน
เหลียวมองหาที่ว่างร้างป่าใจ
นี่แน่หรือเมืองใหญ่ชั่งใจตน
• หรือเราเองที่หาใช่อย่างเขาคิด
จึงเบือนจิตคิดกับเราเยี่ยงสัตว์ขน
โอแม่เอ๋ยลูกล้าเหนื่อยเอื่อยกมล
แม่หรือทนอยู่ในที่เช่นนี้มา
• หรือแม่จ๋าก็ตายแล้วหาได้อยู่
ในเมืองที่ไร้ผู้ก่นกังขา
ป่าช้านี้คือที่ฝังกลบมารดา
แม่จึงไม่คืนกลับนายังบ้านเรา
• สะอื้นสะอึกสุดท้ายกลับคืนถิ่น
ยังแผ่นดินแนวกว้างขุนป่าเขา
ตามประสาลูกกำพร้าไร้ถิ่นเนา
แม่,ยาย,ตาขอเก็บเอาไว้ในใจ
• สังคมเอยไม่คล้ายที่พึงประสงค์
เหยียดเบียดลงคงค่าแค่เราเขลา
เก็บรักเอยเก็บเอาไว้ในใจเรา
ป่าช้าเล่าคงกลืนฝังจนหมดเมือง
• จำจดก้าวสุดท้ายของปลายเท้า
ร้อยเรื่องราวร้าวน้ำตานองนิจเนื่อง
ดีกว่าทิ้งชีวิตปลิดปล่อยเปลือง
ทิ้งราวเรื่องไว้นั่นหนาป่าช้านคร.
3 Comments:
ว้าววว
เขียนหนังสือแบบนี้ได้ด้วยเหรอ
เก่งจังค่ะ
มันวัน นะ กั๊ม วรรณกรรม มากเลยนิ
เก่ง เก่ง
พอดี อ้อยเขียนกลอนนี้ไปประกวดที่เวบพี่วินทร์หน่ะค่ะ
ขอบคุณพี่'ปรายนะคะ พี่ชมมาที น้องนี้ตัวลอยเลย
ยิ้มแก้มปริแล้วเนี่ย
เขียนเก่งจังครับ
อ่านได้ลื่นไหลดีนะครับ
เหมือนอ่านเรื่องสั้นและบทกวีไปพร้อมกัน
มองในมุมคนเกิดในเมืองหลวง
แต่หนีมาอยู่เมืองเล็ก
คนที่ดิ้นรนมีเยอะ
โชคดีหน่อยก็เจอทางที่ดี
พบคนดี แต่เมืองก็ยังเป็นเมือง
มีเรื่องดี เรื่องร้ายอยู่รอบตัว
แต่ก่อนเมื่อเด็กๆ ความวุนวายไม่มากเท่าวันนี้
อากาศย่านแถวบ้านยังดีอยู่มาก
บ้านคนเกิดขึ้นทุกวัน
เด็กๆ โตนอกบ้าน บนรถ โรงเรียน ห้าง
กลับมาก็มีทีวีเป็นเพื่อน
มีคนอยากเข้ามา
แต่เราอยากออกมา
มากกว่า
Post a Comment
<< Home