1554 Better late than never.

บนทางฝัน แน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเวียนเข้ามาทักทาย เม่นน้อยในอ้อมแขนพร้อมสลัดขนแหลมทำร้าย ... ถ้าเลือกจะทำแล้ว อดทนเท่านั้น

Saturday, October 21, 2006

ความเหงา(เมื่อลมหนาวผ่านพัด)


ลมพัดเข้ามาที่หน้าต่างเมื่อเช้านี้ เหมือนหน้ากระดาษแห่งฤดูกาลถูกฉีกออก................"หน้าหนาวแล้วสินะ"

เมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าบรรยากาศแบบนี้ ช่วงเวลาแบบนี้ ฉันไปดูโบราณสถานที่จังหวัดจันทบุรี ไปนอนที่ท่าแฉลบ และดื่มกินกับเพื่อนริมทะเลป่าชายเลน ไม่มีบรรยากาศโรแมนติกอะไรทั้งสิ้น มีแต่เสียงหัวเราะกับเรื่องที่ยังพกพามาจากกรุงเทพฯ นี่จะเป็นการเดินทางไปต่างจังหวัดครั้งสุดท้ายของพวกเรา...เพื่อนร่วมห้องเรียนที่เฮฮาเหลือเกิน

ระหว่างวันฉันบันทึกภาพหมาตัวหนึ่ง มันเป็นหมาขี้เรื้อน สีผิวของมันจับได้ว่าเป็นสีขาว มันเป็นหมาขี้เรื้อนที่ขนเกรียน ตามแขนขา และแผ่นหลัง มีริ้วรอยของการเกาเป็นแผลสีแดงอมชมพู มันทำหน้าง่วง ทั้งที่แดดจ้า มันยังง่วงนอน






ในแววตาของมัน ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเห็นฉันเป็นอย่างไร แต่ในสายตาฉัน ฉันมองเห็นว่ามันช่างน่าสงสาร...ฉันมักจะคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ไม่ว่าจะคิดถึงอะไร ฉันมักพยายามจินตนาการ หรือมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะเป็นปัจจุบันให้ฉันได้สัมผัส มันอาจเป็นนิสัยที่ติดมาจากการคิดเรื่องรูปทรงสันนิษฐานของโบราณสถานก็ได้ มันเป็นธรรมดาไปแล้วที่ฉันจะคิด จะมองอะไรแบบนั้น และฉันคิดถึงตอนที่มันเป็นหมาเด็ก

ฉันของตั้งชื่อมันว่า นมอุ่น นมอุ่นน่าจะเป็นลูกหมาที่แข็งแรง สังเกตุจากร่างกายที่กำยำ เจ้าเนื้อ น่าจะเป็นหมาที่มีความสามารถในการกินสูงเข้าท่าดี นมอุ่นหูตั้ง และหางดาบ นี่เป็นลักษณะของหมาหล่อ มันน่าจะเคยมีหมารัก และมีครอบครัว ก่อนที่จะเจอกับโรคเรื้อนแบบนี้

ฉันคิดว่าถ้านมอุ่นได้รับการรักษาสักนิด อาการเหล่านี้คงค่อยๆทุเลา และกลับมาเป็นหมาหล่อ มีชีวิตที่ร่าเริง สมวัยหมาได้อีกครั้ง แต่นมอุ่นไม่มีเจ้าของ ไม่มีปลอกคอ นมอุ่นนอนข้างทาง ไม่ช้า โรคภัยคงเร้าชีวิตให้ห่อเหี่ยวลง ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้ม ค่อยๆจางหาย มีเพียงสีหน้าที่แสดงอาการเจ็บป่วย อากาศหนาวเย็น ยิ่งทำร้ายร่างกาย ขนที่เคยป้องกันอากาศหนาว ก็ไม่ค่อยเหลือไว้ทำหน้าที่ของมัน

หนึ่งปีแล้ว ระยะทางแสนไกล จากกรุงเทพฯ - จันทบุรี ป่านนี้มันจะเป็นอย่างไรบ้าง ฉันได้แต่คิดถึง เมื่อนาฬิกาแห่งฤดูกาลผ่านมาอีกรอบ ช่างไวเหลือเกิน

ความเหงาในแววตาหมาหนุ่ม มันจะประมาณเดียวกับฉันไหม...ฉันเหงาเพราะอะไรหรือ เวลาของฉัน ที่ใครๆเห็น ฉันสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกสนาน แต่ลึกๆฉันยังเหงา ความเหงาของฉัน ...ฉันมาลองคิดก่อนหน้านั้นเคยมีไหม...ใช่ มันมี..แต่ไม่ใช่แบบนี้

เมื่อยังเด้ก ฉันเป็นเด็กที่ขี้เหงาที่สุด(ในบ้าน) ฉันวาดรูปและเขียนเรื่องกำกับบนนิทาน กระดาษเหล่านั้น บางแผ่นฉันยังเก็บรักษาเอาไว้ มันนอนนิ่งคุยกันกับกระดาษแผ่นก่อนอย่างเพลิดเพลิน จินตนาการตอนเด็กๆ มันช่างสวยงาม น่ารัก ฉันชมตัวเองนะว่า ฉันตอนเด็กน่ารักมาก ชอบเล่นกับต้นไม้ ปลา และแมลงเต่าทอง

กลางคืนฉันวางแผนในหัว ว่าวันพรุ่งนี้จะไปเล่นกับอะไร ที่ส่วนไหนของบ้าน ฉันขี้เหงานะ เหงาจริงๆ แต่คนอื่นคิดว่าฉันอยู่ได้ เล่นคนเดียก็ได้..ใครบอกกัน ฉันไม่เคยเล่นคนเดียว

เวลานี้สิ ที่ฉันอยู่คนเดียว


หลังจากการเดินทางไปจันทบุรีเที่ยวนั้น ฉันได้พบกับเพื่อนๆบ้าง การงานของพวกเราขีดแบ่งให้เราต้องห่างกัน ตามทางของตนเอง บางคนไปเป็นอาจารย์ ,นักวิชาการ ,ไกด์ หรือแม้แต่ทำงานที่เก่าของตัวเอง บ้างก็เป็นสถาปนิก นายธนาคาร หรือบางคนก็ว่างงานอยู่ ห้องเรียนว่างแล้ว เก้าอี้ยังรอให้นักเรียนคนต่อไปมาสวมทับ และเดินจากไปอยู่อย่างนั้น

นี่สิคือสิ่งที่ใช่ที่สุด เป็นสิ่งที่แท้จริงที่สุด นั่นคือ ความแปรเปลี่ยน

ลมหนาวจางหายไปเมื่อแดดอ่อนๆค่อยๆสาดแสง เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ฉันได้เรียนรู้ถึงความรู้สึก ...ความเย็น และความร้อน กลายเป็นความอุ่น มันช่างอุ่นสบายตัวอยากให้เจ้านมอุ่น ได้รู้สึกแบบนี้บ้าง ป่านนี้มันยังคันผิวอยู่ไหม

ลมหนาวผ่านพัด ใช่เพียงนำการเปลี่ยนของฤดูฝน ให้จางหาย ทว่า ได้นำความเหงา ที่เคยทักทายกันเมื่อปีก่อน กลับมาอย่างใจเย็น

คิดถึงคนบางคนที่ปลายขอบฟ้า เราเคยสัญญาว่าจะไม่มีวันพบกัน เธอทำได้ไหม ฉันทำได้ไหม ไม่มีใครรู้

ไม่แน่ว่า การพบกันของเราอาจเกิดขึ้นแล้วโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว อาจเป็นการเบียดเสียดบนรถเมล์คันไหนสักคัน การเข้าคิวซื้อของอะไรสักอย่าง หรือแม้แต่ เราอาจเคยนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันแล้ว เพียงแต่ต่างเวลากัน เท่านั้นเอง







7 Comments:

Anonymous Anonymous said...

สนุกครับ ความเหงานั้นทำให้เรารู้สึกคิดถึง ความคิดถึงคือความห่วงใย ความห่วงใยคือความรัก ความรักคือสิ่งที่มีให้ต่อใครซักคน สนุกนะ อ่านเพลินดี จะรออ่านต่อนะครับ

9:59 PM  
Anonymous Anonymous said...

มาเม้นให้ตามที่ทวงถาม
การใช้คำซ้ำ "ฉัน" บ่อยไป น่าจะหาทางเลี่ยงเพื่อแก้เลี่ยนบ้าง
งานเขียนนี้ใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งอยู่แล้ว บางที อาจตัดสรรพนาม"ฉัน"ทิ้งไปเลยก็ได้ ขึ้นกับเทคนิคการเล่า

ที่อยากบอกมีแค่นั้น

ที่เหลือไม่ต้องแล้วมั๊งไม่อยากให้เธอตัวลอย

/(-_-)\

10:24 PM  
Anonymous Anonymous said...

เป็นไงมั่งวันนี้

ไปเดินงานหนังสืออีกเหรอ เห็นเงียบเชียว
หรือว่านอนแฮงค์อยู่กันแน่ 555

ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีกนะ

ดีใจที่ได้พบกันจ้า

5:16 PM  
Anonymous Anonymous said...

เป็นไงมั่งวันนี้

ไปเดินงานหนังสืออีกเหรอ เห็นเงียบเชียว
หรือว่านอนแฮงค์อยู่กันแน่ 555

ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีกนะ

ดีใจที่ได้พบกันจ้า

5:16 PM  
Blogger keerati said...

ดีใจเล่นกันหว่ะไปป์


ตื่นมาอาบน้ำไปงานหนังสือต่อเลย



หมดตัวเลย



แต่มีความสุข

9:32 PM  
Blogger นุ่น said...

^-^ ขอนมอุ่นๆ สักแก้วได้มั้ยคะ

10:31 PM  
Blogger keerati said...

555+

นุ่นจ๋า


อยากดิ่มนมจิงหรอจ๊ะ

12:23 AM  

Post a Comment

<< Home