หนาวละอองเทียน
ตะวันจวนอับแสง..แต่วันนี้ท้องฟ้าที่ว่ากล้างเท่าสายตามองนั้น จะเป็นเสมือนเวทีโล่งให้จันทร์ลอยเด่นสมเป็นเดือนเพ็ญ
คืน 15 ค่ำเดือน 12 เป็นคืนที่ใครต่างเฝ้ารอ เพราะเป็นคืนที่สายน้ำจะวับแวมไปด้วยแสงไฟดวงเล็ก ลอยเรื่อยจนกว่าลมพัดดับหาย ไปทีละดวง ชุมชนย่านวัดสังเวชวิศยาราม ถนนสามเสน บางลำพูนั้น มีเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีจำนวนไม่น้อย ที่ชื่นชอบเทศกาลต่างๆที่ชุมชนจัดขึ้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน เทศกาลลอยกระทงที่ 1 ปี จะจัดเพียงสักครั้ง ทว่าครั้งนี้ พิเศษกว่าที่แล้วมา
เมื่อเดือนก่อนถึงวันสำคัญนี้ แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งน้ำเหนือ ฝนตก และน้ำทะเลหนุน น้ำท่วมเข้าบ้าน รอยยิ้มของเด็กๆเริ่มขึ้น เพราะในเวลานั้น พวกเขายังไม่เปิดเทอม บ่อยครั้งที่มานั่งพักสายตาจากการทำงานในเวลาเที่ยง จะพบพวกเขาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
สระว่ายน้ำในฝัน
บริเวณลานออกกำลังกายของสวนสันติชัยปราการ มีระดับน้ำที่เข้ามาถึงครึ่งน่องขาผู้ใหญ่ เด็กทั้งชายหญิง เล่นน้ำสีขุ่นอย่างสนุกสนาน กระโดดไป-มา บ้างตีลังกาจนน้ำแตกกระเซ็น..ทำให้คนที่พบเห็นแถวนั้น อมยิ้ม จะอะไรเสียอีกเล่า ก็ในเวลานั้น ตะวันมันตรงหัว น้ำเย็นกับอากาศร้อน เด็กสนุกได้อย่างไร ไม่ช้ามีเสียงเอ็ดลั่นของผู้ปกครองที่เข้าใจว่าน่าจะเป็นแ ม่ของเด็กคนไหนสักคนในจำนวนนั้น ไล่ให้ขึ้นมาเพราะเกรงว่าจะไม่สบายเสียก่อนเปิดเทอม
ชุมชนที่เข้าใกล้วัฒนธรรมการกินอยู่แบบเมือง มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต่างออกไป การประกอบประเพณี พิธีกรรมอะไรต่างๆนานา ล้วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การแสดง และเงินตรา
วันนี้ 15 ค่ำเดือน 12..สองริมฝั่งแ ม่น้ำเจ้าพระยา มีเสียงหัวเราะด้วยความสำราญของคนเมืองที่ห่างไกลแ ม่น้ำ และใคร่ที่จะรื่นเริงกับประเพณีที่เชื่อว่าสืบทอดมาอย่างยาวนาน ในเสียงหัวเราะนั้น เสียงสะอื้นคละกลั้วตามมาด้วย
ใครจะเข้าใจถึงความทุกข์ได้ดีเท่าผู้เคยประสบ น้ำท่วมเป็นสิ่งบั่นทอนนานาสรรพกิจของชีวิตเช่นกันในวันนี้
ละอองเทียน และควันจางของธูปบูชาพระแ ม่คงคา ลอยล่องตามสายธารแห่งศรัทธา ทุกคนลอยความทุกข์โศกเพื่อมีความหวังและกำลังใจในการใช้ชีวิต คนบางคนเชื่อเช่นนั้น บางคนอธิษฐานให้ตนเองได้พบกับความสุขบ้าง ในภายภาคหน้า เพียงประนมมือขอพรแม่น้ำสายใหญ่
แต่ไม่ใช่กับครอบครัวริมแม่น้ำบางครอบครัว
เจ้าพระยาเอ่อล้นสมเป็นคืนเพ็ญ..คืนที่ระดับน้ำสูงขีดสุด คืนนี้ที่หลายบ้านตาตื่นเพื่อเฝ้ามองแสงไสวของเทียนจากกระทงบูชา
*
*
*
*
ในคืนที่แสงจันทร์ทำหน้าที่สมบูรณ์ ประเพณีลอยกระทงสมบูรณ์ เด็กๆระแวกชุมชนวัดสังเวชทำหน้าที่บริการนำกระทงออกไปลอยให้เพราะน้ำท่วมเกินกว่าจะง่ายสะดวกลงทุนเปียกชุ่มเอง เพื่อ แลกกับค่าขนมที่เจือรอยยิ้ม เด็กอาจสนุก...และเต็มใจ
ยังมีอีกหลายบ้านที่เปรียบเสมือนผู้ใฝ่มองเวทีบนพื้นล่าง จบม่านการแสดงลง หวังว่ากระทงใบสุดท้ายจะไม่ลอยพัดเข้ามายังบ้านเรือนที่จมน้ำอยู่
และละอองเทียนจะไม่กลายร่างจากผู้นำทางเป็นเพลิงเผาบ้านผู้อาภัพให้วอดดับจมลงอีกครา
ค่ำคืนที่แสนหนาวจากละอองเทียน จะมีสักกี่คนที่ได้สัมผัส
หากไม่เคยได้ลิ้มรสชาตินั้นเลยทั้งชีวิต
4 Comments:
แม้ยามใจเปียกปอน
น้ำตาเริ่มเอ่อล้นตลิ่ง
อย่าเผลอลอย...รอยยิ้ม
เลือกมุมมาเขียนได้น่าสนใจนะ
เห็นด้วยว่าชีวิตผู้คนริมแม่น้ำเจ้าพระยา
มีรูปแบบที่ต่างไป
ระหว่างเมือง กับชนบท กึ่งๆ
แต่เคยเห็นเด็กๆ เล่นน้ำขุ่นๆ ในแม่น้ำเจ้าพระยา
เห้นแล้วสงสารนะ
เด็กๆ บ้านนอกอย่างพี
เคยได้เล่นน้ำสะอาดกว่านี้น่ะ :)
เห็นเค้าว่ากันว่าหน้าหนาวเป็นฤดูแห่งการพลัดพราก แต่ก็ทำให้เราได้คิดถึงกันต่อไป
สบายดีนะพี่ แอบเข้ามาอ่าน ช่วงหลังผมไม่ว่างเลย แอบเข้ามาเติมกำลังใจอยู่นะครับ
Post a Comment
<< Home