1554 Better late than never.

บนทางฝัน แน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเวียนเข้ามาทักทาย เม่นน้อยในอ้อมแขนพร้อมสลัดขนแหลมทำร้าย ... ถ้าเลือกจะทำแล้ว อดทนเท่านั้น

Tuesday, November 07, 2006

บัตรศักดิ์สิทธิ์



บัตรนักศึกษา เป็นบัตรที่นักเรียน นักศึกษาต่างมีไว้ประจำตัว เช่นเดียวกับบัตรประชาชน แต่สำหรับบัตรนี้ เป็นบัตรประชานักเรียน

สำหรับเด็กนักเรียนเล็กๆ ป้ายเรียกชื่อด้วยชื่อเล่นๆก็พอน่ารักดี และมีคำว่า น้องนำหน้า พอขึ้นชั้นประถม ป้ายเรียกชื่อก็หายไป มีเพียงชื่อที่ปักไว้ที่หน้าอกเสื้อ มีคำว่า ด.ช.---เด็กชาย และ ด.ญ.---เด็กหญิง นำหน้าชื่อจริง คราวนี้ชื่อเล่นจะถูกเรียกเฉพาะบุคคลเท่านั้น

บัตรนักศึกษาจะใช้กับเด็กนักเรียนที่โตแล้วในระดับมัธยม โรงเรียนบางมดวิทยาเริ่มใช้บัตรนักเรียนมานานแล้ว ในปีที่เข้าเรียนนั้น บัตรเป็นกระดาษสีขาว ติดรูปที่ถ่ายโดยอาจารย์ท่านหนึ่งใต้ตึกพลานามัย บอกชื่อ นามสกุล รหัสนักเรียน และวันหมดอายุของบัตร ซึ่งป็นวันเดียวกับวันเกิด
30 มีนาคม ของทุกปี บัตรนักเรียนหมดอายุของปีการศึกษานั้น แต่เรากลับมีอายุเพิ่มมากขึ้น เป็นวันฉลองวันเกิดที่น่ารักที่ทางโรงเรียนมอบให้อย่างไม่ตั้งใจ

เมื่อปี พ.ศ. 2539 โรงเรียนมีนโยบายรูดบัตรเพื่อขานชื่อ ต่อไปนี้จะไม่มีการเชคชื่อคนมาโรงเรียนตามห้องอีก ใช้รูดบัตรเอาเท่านั้น ในเวลานั้น ใครที่คิดต่างออกไปจะเรียกว่าเด็กมีปัญหา

ห้องเรียน ม4/2 ห้องอาจารย์อุดมลักษณ์ มีปัญหามากที่สุด มีคนไม่มาเรียนอย่างน่าอัศจรรย์ หนึ่งในนั้น มีรองหัวหน้าห้องที่ขึ้นชื่อว่าเรียบร้อยที่สุดรวมอยู่ด้วย การประชุมเครียดเกิดขึ้นในโรงยิม อาจารย์อุดมลักษณ์ไต่ถามถึงเรื่องทั้งหมด ถึงสาเหตุที่ไม่ยอมรูดบัตรกัน จับใจความได้ว่า เด็กนักเรียนต่างไม่เห็นด้วย กับการรูดบัตร เพียงเพื่อแสดงตัวว่ามาโรงเรียนแล้ว ทั้งที่อาจารย์ฝ่ายปกครองเองก็เห็นหน้าว่ามาเรียนหนังสือ แต่กลับยอมขีดว่าขาดเรียนในสมุดบันทึก เป็นไปได้อย่างไรที่สมองของคนจะยอมรับการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ มากกว่าสายตา และหัวใจตัวเอง

เย็นนั้น ผลการประชุมเป็นคำขาดว่า ให้ทุกคนรูดบัตร อย่ามีข้อแม้ว่าอยากเป็นตัวของตัวเอง อย่าขัดขืนด้วยสาเหตุเช่นนี้ อาจารย์ท่านนี้กล่าวต่อว่า

"ถ้าเรื่องเท่านี้ยังอดทนไม่ได้ ....ฉันรู้พวกแกอึดอัดกับความบ้าบอของฝ่ายปกครอง แต่ วันข้างหน้า มันยังมีกฏอะไรอีกมากที่พวกแกต้องเจอ จะอดทนกันได้หรือ ฉันขอถามพวกแกเท่านี้"

เพียงเท่านี้

จะเรียกว่าสำนึก หรือความกลัว หรืออะไรก็ตาม นักเรียนห้อง ม.4/2ไม่เคยขาดเรียนแบบยังลอยหน้าเดินเพ่นพ่านในโรงเรียนอีก ทุกวันเกิดเครื่องรูดบัตรจะมีเสียงอวยพรวันเกิดของนักเรียนคนนั้นๆ สำหรับคนที่เกิดในวันบัตรหมดอายุ และตรงกับวันปิดภาคเรียนก็อดได้ยินไป

บัตรนักศึกษาในมหาวิทยาลัย มีความสามารถเป็นได้มากกว่าการแสดงตัวตนในมหาวิทยาลัย ใช้เป็นบัตรรูดเงินฝาก และยังเป็นบัตรส่วนลดราคาหนังสือในร้านหนังสือของมหาวิทยาลัยเฉพาะเล่มที่ร่วมรายการ ไม่มีการรูดบัตรทุกครั้งที่เดินเข้ามหาวิทยาลัย ไม่มีการประกาศชื่อนักศึกษาขาดเรียน ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับฝ่ายปกครอง ทุกคนเป็นไท ในกรอบเล็กๆที่ตั้งกันเอง ยอมรับกันเอง เป็นสังคมใหญ่ที่มีความเงียบเหงาคอยควบคุม ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย บัตรนักศึกษาที่ไม่ต้องรูดพร่ำเพรื่อ ไม่มีเสียงเพลงอวยพรวันเกิด ไม่มีวันหมดอายุที่ 30 มีนาคมของทุกปี ความพอใจของการหมดอายุของบัตร อยู่ที่ความสามารถของนักศึกษาว่าจะเรียนในมหาวิทยาลัยกี่ปีในเกณฑ์ที่ตั้งไว้

บัตรนักศึกษาของผู้ที่ต้องการศึกษา

คงไม่ต่างสักเท่าใดนักกับบัตรพนักงาน

บัตรพนักงานเป็นยิ่งกว่าการเชคชื่อเข้าโรงเรียน..คือยังเป็นกุญแจเปิดประตูเข้าไปในบริษัทอีกด้วย ทั้งที่คุณยามก็รู้ว่าทำงานอยู่ที่นี่ หากไม่มีบัตรรูดก็จะแจ้งต่อฝ่ายบุคคลเพื่อดำเนินการปรับฐานลืมนำบัตรมารูดต่อไป

บัตรพนักงานไม่มีวันหมดอายุบอกล่วงหน้า อาจหมดอายุแบบสายฟ้าแลบ หรือหมดอายุโดยตัวเราเป็นผู้กำหนด ขึ้นอยู่กับบริบท และปัจจัยต่างๆ กำหนดทันทีแบบเฉียบพลันไม่ได้ เพราะบางครั้ง สายฟ้าที่แลบนั้นก็เป็นสายฟ้าที่ผู้อื่นกำหนด

ทุกครั้งที่ถึงวันเกิด ของรองหัวหน้าห้อง ม. 4/2 จะมีเสียงเพลงอวยพรวันเกิดที่ร้องขึ้นในใจ ทุกครั้งที่รูดบัตร บางคำของครูท่านั้นยังเตือนเสมอ

"ถ้าเรื่องเท่านี้ยังอดทนไม่ได้ ....ฉันรู้พวกแกอึดอัดกับความบ้าบอของฝ่ายปกครอง แต่ วันข้างหน้า มันยังมีกฏอะไรอีกมากที่พวกแกต้องเจอ จะอดทนกันได้หรือ ฉันขอถามพวกแกเท่านี้"


ทั้งที่ไม่อยากห้อยบัตรพนักงาน ก็ต้องอดทน เพราะนี่คือกฏที่ออกขึ้นโดยผู้ว่าจ้าง ตราบใดที่ยังอยากทำงาน และมีเงินเดือน




จงห้อยบัตรศักดิ์สิทธิ์นั้น


3 Comments:

Anonymous Anonymous said...

ที่ทำงานเก่าเรา

ตอนที่เข้าทำงานใหม่ๆ ต้องต่อแถวเซ็นชื่อกัน
ระหว่างรอหัวแถวเซ็นชื่อเสร็จก็จะเป็นจังหวะได้ทักทายกัน
ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้บัตรแนบกับเครื่องอ่าน
แถวที่เคยยาวหายไป
เสียงทักทายก็ลอลงไป
มีเพียงข้อความสั้นๆบนจอเมื่อแนบบัตรเสร็จว่า "good morning"
และ"good bye" เมื่อเลิกงาน

2:04 AM  
Blogger keerati said...

ชีวิตมันสั้นขึ้นทุกอย่าง



มิตรภาพน่ะ ต้องรักษาเอาเอง



ขอบคุณนะคะ

2:06 AM  
Anonymous Anonymous said...

บางทีการที่เราลืมรากของเรา ทำให้ความคิดของเราลอยไปไหนมาไหน โดนใครผลักไปไหนได้ตลอดเหมือนกับลูกโป่งที่โดนลมพัดหายไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าเรามีรากไว้ยึดเพื่อเตือนตัวเราเองนั้น ทำให้เรามั่นคงเหมือนกับต้นไม้ที่โดนลมพัดเท่าไหร่ก็ไม่ไป

ความคิดของคนบางคนสามารถบังคับให้คนทำตามได้แต่ไม่สามารถทำให้จิตใจคนคล้อยตามได้สมบูรณ์หรอกครับ

จะรออ่านเรื่องต่อไปนะค้าบบ

4:07 PM  

Post a Comment

<< Home