ผู้สูงอายุในเวลาอันควร
บนถนนสายเก่า ถนนที่ต่อผ่านถนนพระรามที่สอง นั่นคือถนนตากสิน ที่จะนำไปสู่ถนนอีกหลายสาย และเป้าหมายปลายทางนั่นคือถนนพระอาทิตย์
เป็นเวลากว่า 8 ปี ที่สัญจรด้วนถนนสายเดิมๆนี้ สองข้างทางมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป บางช่วงที่เคยร้าง บัดนี้กลายเป็นห้างสรรพสินค้า มีลานจอดรถที่ใหญ่กว่าโรงเรียน และวัด มีร้านทำผมที่เปิดกิจการราวดอกเห็ดหลังฝนตก ที่น่าสังเกต คือ อาคารพาณิชย์บางช่วงบิดร้างไปบ้างเช่นกัน
เวลาเป็นสิ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นหรือ
ใช่เวลา...หรือว่าหัวใจคน
ย่านโกวบ๊อเป็นย่านที่มีชาวจีนมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ป้ายรถเมล์นี้จะมีอาแปะ อาซิ่มโบกรถ เก่ๆกังๆ หอบร่างอ่อนโรยราไปยังจุดหมาย
ที่ใดกัน...โรงเจ...บ้านลูก...สวนสาธารณะ...ตลาด...หรือโรงน้ำชา
ในยามที่แสงแดดเตือนให้รู้ว่า"สายแล้ว" ทำให้อดร้อนรนไม่ได้ เมื่อเวลารถติด...อยากถึงที่หมายโดยไว แต่นั่นแหละนา การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน กติกาเป็นสิ่งบ่งบอกขอบเขตของตัวตนของเรา ว่าจะสามารถทะยานไปได้ไกลสักเท่าใด ในมิติเดียวกัน..ทำได้เพียงนั่งรอในรถประจำทางสายเดิม ที่บางวันจะพาใครคนนั้นขึ้นมายืนใกล้ๆ.ทำให้ลุ้นทุกครั้งเมื่อผ่านป้ายเดิมที่เขาเคยขึ้นมา
ป้ายโกวบ๊อ...อาซิ่มแก่ๆกับสัมภาระมากมาย ความแก่ทำให้งุ่นง่าน และทำอะไรด้วยสปีดที่ช้ากว่าใครเขาเพื่อน...โชคดี อาซิ่มได้นั่ง รอบม้านั่งมีถุง กระเป๋าอีกสองใบ อาซิ่มจะไปไหนกัน
"เวลาเท่าไหร่คะ...เก้าโมงครึ่งหรือยัง" กระเป๋ารถเมล์ถาม
"ยังค่ะ"ฉันตอบ
กระเป๋ารถเมล์หันไปพูดกับอาซิ่ม"ยังไม่เก้าโมงครึ่ง"
"ตอนนี้กี่โมงคะ"กระเป๋ารถเมล์ถามฉันซ้ำอีก
"เก้าโมงยี่สิบค่ะ"ฉันเริ่มสงสัย เกิดอะไรขึ้น ระหว่าง ฉัน..ผู้มีนาฬิกา อาซิ่ม..ผู้พกความชรามาด้วย และกระเป๋ารถเมล์ผู้ประพฤติตามกติกาทุกประการ
เวลา..เงิน..ความชรา มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ป้ายวงเวียนเล็กก่อนขึ้นสะพานพุทธฯ เป็นปลายทางของอาซิ่มคนนั้น ขาขึ้นที่ว่าลำบากแล้ว ขาลงนี่อาซิ่มลำบากหนักกว่าเก่า รถเมล์เหมือนรู้ใจคนนั่งรอว่ากลัวไปสาย พยายามออกตัวทั้งที่แกยังขนของ...กระเป๋าใบโตปริเผยให้เห็นของบางอย่าง ถุงพลาสติกสีสันสดใสจำนวนมากถูกอัดอยู่ในนั้น อาซิ่มคงมาขายของ
คนเริ่มบางตา เพราะผ่านป้ายสำคัญมาหลายป้าย คนเริ่มทยอยไปทำภาระกิจของตน..ได้เวลาเหลือบดูนาฬิกาอีกครั้ง เก้าโมงครึ่ง แล้ว
ทำไมนะ เวลานี้มันทำไมกัน
ความสงสัยกระจ่างชัดในนาทีที่ถึงจุดหมาย
บริเวณประตูรถประจำทาง มีเอกสารชี้แจงการลดหย่อนค่าโดยสารของผู้สูงอายุ
9.30-15.30 น.
ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้สูงอายุได้ แม้เพียง 10 นาทีก่อนถึงเวลาก็อนุโลมไม่ได้ เห็นจะมีอยู่เรื่องเดียวที่คนส่วนใหญ่ปฏิบัติรักษาอย่างเคร่งครัด
นั่นคือ ผลประโยชน์ของตนเอง
จนบางครั้ง ความแล้งน้ำใจจะกลายเป็นคุณธรรมที่น่าปฏิบัติมากกว่าความเมตตา
กับผู้สูงอายุในเวลาอันควร (ช่วงเวลาที่การจารจรไม่คับคั่ง คือเวลานี้เอง 6 ชั่วโมง สำหรับคนแก่)
5 Comments:
น้ำใจ
เป็นเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ
ไม่งั้นมันคงไม่มีชื่อเรียกว่า "น้ำ+ใจ"
แต่คนเราส่วนมากมีแต่ใจ (หรือไม่มีเลยด้วยซ้ำ)
แล้วอย่างนี้จะมีน้ำมาหล่อเลี้ยงอะไร
ในเมื่อใจคน
นั้น
ว่างเปล่า
ถ้าเพียงใครสักคนบอกว่า 9.30น.แล้ว
มันก็คง 9.30น.
นาฬิการใครตรงไม่ตรง กล้ายืนยันรึ
ยืนยันที่จะทำดีดีกว่า
อ่อ
เพิ่งรู้เหมือนกันจ้ะ
ขอบคุณๆๆ :)
Better late นะ ม่ายช่าย Bettar late
สังคมอยู่ได้ด้วยความมีน้ำใจซึ่งกันและกัน ต่อไปน้ำใจอาจราคาแพงเท่ากับทองหนึ่งบาทก็ได้
เชษเองนะ
Post a Comment
<< Home