1554 Better late than never.

บนทางฝัน แน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเวียนเข้ามาทักทาย เม่นน้อยในอ้อมแขนพร้อมสลัดขนแหลมทำร้าย ... ถ้าเลือกจะทำแล้ว อดทนเท่านั้น

Thursday, November 09, 2006

ผู้สูงอายุในเวลาอันควร




บนถนนสายเก่า ถนนที่ต่อผ่านถนนพระรามที่สอง นั่นคือถนนตากสิน ที่จะนำไปสู่ถนนอีกหลายสาย และเป้าหมายปลายทางนั่นคือถนนพระอาทิตย์

เป็นเวลากว่า 8 ปี ที่สัญจรด้วนถนนสายเดิมๆนี้ สองข้างทางมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป บางช่วงที่เคยร้าง บัดนี้กลายเป็นห้างสรรพสินค้า มีลานจอดรถที่ใหญ่กว่าโรงเรียน และวัด มีร้านทำผมที่เปิดกิจการราวดอกเห็ดหลังฝนตก ที่น่าสังเกต คือ อาคารพาณิชย์บางช่วงบิดร้างไปบ้างเช่นกัน

เวลาเป็นสิ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นหรือ

ใช่เวลา...หรือว่าหัวใจคน

ย่านโกวบ๊อเป็นย่านที่มีชาวจีนมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ป้ายรถเมล์นี้จะมีอาแปะ อาซิ่มโบกรถ เก่ๆกังๆ หอบร่างอ่อนโรยราไปยังจุดหมาย

ที่ใดกัน...โรงเจ...บ้านลูก...สวนสาธารณะ...ตลาด...หรือโรงน้ำชา

ในยามที่แสงแดดเตือนให้รู้ว่า"สายแล้ว" ทำให้อดร้อนรนไม่ได้ เมื่อเวลารถติด...อยากถึงที่หมายโดยไว แต่นั่นแหละนา การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน กติกาเป็นสิ่งบ่งบอกขอบเขตของตัวตนของเรา ว่าจะสามารถทะยานไปได้ไกลสักเท่าใด ในมิติเดียวกัน..ทำได้เพียงนั่งรอในรถประจำทางสายเดิม ที่บางวันจะพาใครคนนั้นขึ้นมายืนใกล้ๆ.ทำให้ลุ้นทุกครั้งเมื่อผ่านป้ายเดิมที่เขาเคยขึ้นมา

ป้ายโกวบ๊อ...อาซิ่มแก่ๆกับสัมภาระมากมาย ความแก่ทำให้งุ่นง่าน และทำอะไรด้วยสปีดที่ช้ากว่าใครเขาเพื่อน...โชคดี อาซิ่มได้นั่ง รอบม้านั่งมีถุง กระเป๋าอีกสองใบ อาซิ่มจะไปไหนกัน

"เวลาเท่าไหร่คะ...เก้าโมงครึ่งหรือยัง" กระเป๋ารถเมล์ถาม
"ยังค่ะ"ฉันตอบ

กระเป๋ารถเมล์หันไปพูดกับอาซิ่ม"ยังไม่เก้าโมงครึ่ง"
"ตอนนี้กี่โมงคะ"กระเป๋ารถเมล์ถามฉันซ้ำอีก
"เก้าโมงยี่สิบค่ะ"ฉันเริ่มสงสัย เกิดอะไรขึ้น ระหว่าง ฉัน..ผู้มีนาฬิกา อาซิ่ม..ผู้พกความชรามาด้วย และกระเป๋ารถเมล์ผู้ประพฤติตามกติกาทุกประการ

เวลา..เงิน..ความชรา มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร

ป้ายวงเวียนเล็กก่อนขึ้นสะพานพุทธฯ เป็นปลายทางของอาซิ่มคนนั้น ขาขึ้นที่ว่าลำบากแล้ว ขาลงนี่อาซิ่มลำบากหนักกว่าเก่า รถเมล์เหมือนรู้ใจคนนั่งรอว่ากลัวไปสาย พยายามออกตัวทั้งที่แกยังขนของ...กระเป๋าใบโตปริเผยให้เห็นของบางอย่าง ถุงพลาสติกสีสันสดใสจำนวนมากถูกอัดอยู่ในนั้น อาซิ่มคงมาขายของ

คนเริ่มบางตา เพราะผ่านป้ายสำคัญมาหลายป้าย คนเริ่มทยอยไปทำภาระกิจของตน..ได้เวลาเหลือบดูนาฬิกาอีกครั้ง เก้าโมงครึ่ง แล้ว

ทำไมนะ เวลานี้มันทำไมกัน

ความสงสัยกระจ่างชัดในนาทีที่ถึงจุดหมาย

บริเวณประตูรถประจำทาง มีเอกสารชี้แจงการลดหย่อนค่าโดยสารของผู้สูงอายุ

9.30-15.30 น.

ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้สูงอายุได้ แม้เพียง 10 นาทีก่อนถึงเวลาก็อนุโลมไม่ได้ เห็นจะมีอยู่เรื่องเดียวที่คนส่วนใหญ่ปฏิบัติรักษาอย่างเคร่งครัด


นั่นคือ ผลประโยชน์ของตนเอง


จนบางครั้ง ความแล้งน้ำใจจะกลายเป็นคุณธรรมที่น่าปฏิบัติมากกว่าความเมตตา

กับผู้สูงอายุในเวลาอันควร (ช่วงเวลาที่การจารจรไม่คับคั่ง คือเวลานี้เอง 6 ชั่วโมง สำหรับคนแก่)

5 Comments:

Anonymous Anonymous said...

น้ำใจ
เป็นเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ
ไม่งั้นมันคงไม่มีชื่อเรียกว่า "น้ำ+ใจ"
แต่คนเราส่วนมากมีแต่ใจ (หรือไม่มีเลยด้วยซ้ำ)
แล้วอย่างนี้จะมีน้ำมาหล่อเลี้ยงอะไร
ในเมื่อใจคน
นั้น
ว่างเปล่า

11:45 PM  
Anonymous Anonymous said...

ถ้าเพียงใครสักคนบอกว่า 9.30น.แล้ว
มันก็คง 9.30น.
นาฬิการใครตรงไม่ตรง กล้ายืนยันรึ

ยืนยันที่จะทำดีดีกว่า

11:54 PM  
Anonymous Anonymous said...

อ่อ
เพิ่งรู้เหมือนกันจ้ะ
ขอบคุณๆๆ :)

4:01 AM  
Blogger nhum said...

Better late นะ ม่ายช่าย Bettar late

9:03 AM  
Anonymous Anonymous said...

สังคมอยู่ได้ด้วยความมีน้ำใจซึ่งกันและกัน ต่อไปน้ำใจอาจราคาแพงเท่ากับทองหนึ่งบาทก็ได้


เชษเองนะ

3:54 PM  

Post a Comment

<< Home