ชิงช้าบันทึก
เสียงชิงช้าเหล็กดังแว่วมาจากโรงเรียนร้าง ใครกันมาแกว่งไกวในเวลานี้ เวลาที่ฉันร้อนรนเป็นที่สุด
เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เป็นปีสุดท้ายที่ครอบครัวของเราพร้อมหน้าพร้อมตา ชิงช้าเหล็กสีฟ้าอ่อนของโรงเรียนถูกฉันจับจองแต่เพียงผู้เดียว อยู่ที่นี่ ใครๆต่างเกรงใจ ครูเล็ก ครูน้อย ต่างเอาอกเอาใจฉัน ด้วยฉันเป็นหลานสาวคนเล็กของเจ้าของโรงเรียน หลานป้า...ที่เป็นพี่สาวแท้ๆของพ่อ
พ่อกับแม่มารับฉันและพี่ชายช้าเสมอ เราจะอยู่ในโรงเรียนจนเกือบค่ำ บางวันที่ได้กลับเร็วหน่อย แม่จะมารับเพียงคนเดียว และเรานั่งรถเมล์กลับบ้าน วันไหนที่พ่อมารับ ฉันและพี่จะดีใจมากกว่า เพราะไม่ต้องหิ้วกระเป๋าตุงๆไปเบียดเสียดกับใครเขา ใครจะรู้เล่าว่า วันหนึ่งฉันจะใกล้ชิดกับการโดยสารรถเมล์ชนิดแบบญาติสนิทกัน
โรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่เป็นโรงเรียนราษฎร์เล็กๆในซอยราษฎร์ร่วมเจริญ เดินทางผ่านทะลุตรงคลองสาน ไม่ช้าก็ถึง ที่นี่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ ใช้เป็นสนามเอนกประสงค์ เด็กนักเรียนตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง ประถม 6 ใช้สนามแห่งนี้ออกกำลังกาย และกิจกรรมประจำปีต่างๆ
งานหนึ่งนั้นคือ งานวันพ่อ
“คุณพ่อขา คุณครูเขาสั่งให้ติดรูปในหลวงให้เต็มสมุดวาดเขียนเลยค่ะ”
“ไว้พ่อให้พี่เขาทำให้ ส่งวันไหนล่ะ เดี๋ยวพ่อไปซื้อสมุดก่อน”
“ส่งวันที่ 4 ค่ะพ่อ”
เช้าวันที่ 4 ธันวาคม 2532
พ่อมาส่งเข้าโรงเรียนสายอีกเช่นเดิม 9 โมงเช้า ไม่ใช่เวลาที่นักเรียนที่มีวินัยจะเดินเข้าเรียน โดยไม่มีโอกาสเข้าแถวเคารพธงชาติ
“เอาขนมไปกินไหม พี่เขาบินแล้วเอามาฝาก สมุดวาดเขียนเอาไปหรือยัง อ้อย...อย่าซนนะลูก”
พ่อมักจะพูดอะไรยาวๆแบบนี้ และพูดเพียงครั้งเดียว มันเป็นคำซ้ำๆที่พ่อพูดทุกครั้งที่ต้องจากกัน ฉันไปเรียน พ่อไปทำงาน เป็นครูสอนเด็กมหาวิทยาลัย ฉันสิ เข้าเรียนเวลาที่ไม่ใช่เด็กประถม
รูปที่ติดในสมุดวาดเขียนของฉัน สวยเลิศกว่าใคร มีภาพที่แตกต่างจากเพื่อนๆที่ตัดมาจาก สมุดภาพประกอบการศึกษา แต่สำหรับฉัน มันคือภาพที่พี่สาวของฉันตัดมาจากหนังสือพิมพ์ ในแต่ละวันที่มีภาพในหลวง ฉันยิ้ม และเอาสมุดวาดเขียนที่ติดรูปในหลวงอวดเพื่อน
มันน่าภูมิใจมากที่เป็นผลงานจากพี่สาว และพ่อ ฉันอยากให้เขาสองคนทำเพื่อฉัน
คะแนนที่ได้เป็นไปตามคาด เป็นคะแนนสิบเต็มสิบ แน่ละว่าหลานเจ้าของโรงเรียน มักเรียนเก่งเสมอ แม้ว่าในหัวจะมีความรู้ งูๆปลาๆ และยังตอบคำถามแบบก้มหน้ามองหนังสือ ใครๆก็พร้อมจะปรบมือชื่นชม
งานวันพ่อจัดขึ้นที่โรงเรียนในเวลาเย็น ฉันจำได้ติดตาที่วันนั้น ฉันเห็นเพื่อน ที่ชื่อ นุภา พาพ่อที่หล่อน้อยกว่าพ่อของฉันมาที่โรงเรียน
นุภาเป็นเพื่อนสนิท
หลังจากพิธีสดุดีในหลวงแล้ว มีพิธีกราบพ่อจากตัวแทนนักเรียน นุภาได้เกียรตินั้น ....ไม่ใช่ฉัน
พ่อของนุภาสวมเสื้อสีขาวในกางเกงสีน้ำเงิน ดูท่าไม่ต่างจากน้าเล็กที่เป็นภารโรงนัก นุภาติดเข็มกลัดดอกพุทธรักษา และกราบที่ตักของพ่อ ฉันนั่งมองแถวหน้าสุด
เมื่อไหร่พ่อฉันจะมารับ ฉันอยากกลับบ้าน
ชิงช้าตัวเก่าที่ฉันนั่งทุกวัน มีเสียงดังหนักกว่าเมื่อครั้งก่อน เสียงมันแสบหูสุดรำคาญ ดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนเสียงสัตว์กำลังขอร้องชีวิต อยากหาน้ำมันมาหยอดเสียจริง ฉันไกวชิงช้า ด้วยสองเท้าที่ถีบตัวเองจากพื้นคอนกรีต แกว่งไกลยิ่งแรง เสียงยิ่งดัง หากยิ่งเบา จะยิ่งน่ารำคาญ
พ่อ เมื่อไหร่จะมา
นุภา บอกก่อนกลับบ้านในวันนั้นว่าจะไปเที่ยวกับพ่อในวันหยุด พ่อจะพาไปเขาดิน
เขาดิน?
ตอนที่ฉันรู้จักเขาดินครั้งแรก ก็จากนุภานี่หล่ะ แต่ถ้าเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไป มันก็ล่วงเลยเวลามาจนฉันเรียน ป .ตรีแล้ว ถ้าครูไม่สั่งให้ไปวาดรูปที่เขาดิน ฉันก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปเลย
ราคาบัตรครั้งแรกที่รู้จัก
นักเรียนในเครื่องแบบ 10 บาท
ผู้ใหญ่ 40 บาท
แต่เวลานี้ไม่ใช่ ราคามันเปลี่ยนไปแล้ว ความรู้สึกของฉันที่มีกับเขาดินก็เปลี่ยนไปด้วย
ครั้งที่เดินเข้าไปในเขาดิน ฉันคิดถึงพ่อ พ่อและนุภา ฉันคิดเล่นๆว่า ถ้าเมื่อตอนนั้นฉันมากับพ่อ ฉันจะสนุกมากไหม จะรบเร้าให้ซื้อไอศครีม และถีบเรือไหม พ่อจะอุ้ม และถ่ายรูปด้วยกันหรือเปล่า...ที่สำคัญ พ่อจะจูงมือฉันอย่างที่คิด อย่าที่ฝันไหม
ค่ำลงมากแล้ว ฉันเบื่อที่จะนั่งชิงช้าเสียงน่ารำคาญ ป้าและลุงเอาขนมมาให้กิน ขนมตะโก้ของโปรด ในนั้นมีแห้วที่สับเอามาเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ฉันเก็บมันใส่กระเป๋าไว้สองชิ้น ให้แม่ และพ่อ
ทุ่มแล้ว แสงไฟนวลจากรถของพ่อเพิ่งสาดเข้ามายังถนนหน้าห้องพักครูชั้นล่าง...พี่ชายยังเล่นเตะบอลกับเด็กในบ้านของป้าอย่างเมามัน พ่อลงจากรถ พร้อมกับถุงขนม แม่มารับกระเป๋าขึ้นรถ พี่ชายพาตัวเปียกๆไปผึ่งพัดลม ฉันนั่งรออีกแล้ว
ฉันเคยคิด ทำไมภาพเหล่านั้นถึงติดตาของฉันนัก ทั้งที่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว ฉันมีความทรงจำเกี่ยวกับการรอคอยนี่หลายฉาก
เอแคร์เต็มปาก...แม่รู้ดีว่าฉันชอบกิน ฉันก็รอทุกวันที่จะได้กินขนมหลังเลิกเรียนจากแม่ และพ่อจะพาไปกินข้าวมันไก่ที่ตลาดโอ๋เอ๋ นี่หล่ะ สิ่งที่เด็กประถม 2 อยากได้....ในเวลานั้น มันมีค่ามากกว่าที่คิดเวลานี้
เย็นวันพ่อ ครอบครัวของเรานั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ มีแม่ ยาย ป้า พี่ชาย และฉัน พ่อไปทำงาน
พ่อทำงานในวันหยุด?
ขนมตะโก้เละอยู่ในกระเป๋า ขนมที่ฉันเอามาจากป้าที่โรงเรียน ฉันไม่ทันให้พ่อกับแม่ ฉันไม่มีโอกาส
หลังจากนั้นไม่นาน...พ่อเดินทางไปทำงานที่แสนไกล เราไม่ได้พบกันอีกเลย มีจดหมายของพ่อส่งมายังย้ำให้ตั้งใจเรียน และเป็นลูกที่ดีของแม่ ของพ่อ...
*
**
***
****
*****
****
***
**
*
เพียงพอแล้วกับการรอคอยของพ่อ ไม่ช้าลูกจะขึ้นไปหา วันนี้ขอมาหลอดน้ำมันให้ชิงช้าเสียก่อน อยากนั่งชิงช้าตัวเดิมอีกครั้งก่อนจะติดตามพ่อเพื่อ บอกว่ารัก ที่ห่างหายมานานกว่า 16 ปี
ฉันมาที่โรงเรียนร้างอีกครั้ง โรงเรียนที่ครั้งหนึ่ง เคยทำให้ฉันกลายเป็นคนสำคัญ
เสียงชิงช้าเหล็กดังเอี๊ยดอ๊าด ใครกันมาแกว่งไกวชิงช้าในเวลานี้
ชิงช้ายังไม่พังหรอกหรือ
1 Comments:
แปลกนะครับ
กล่องความทรงจำของคนเรา
มักเก็บเรื่องราวบางช่วงบางตอน
เก็บไว้ราวกับมันเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง
เป็นสมบัติที่จะไปทำมันใหม่หรือไปถามหาที่ไหนได้อีก
เรื่องราวของความทรงจำมีคุณค่า
ยิ่งคนเราเติบโตขึ้นในโลกที่รวดเร็ว
ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าแต่ก่อนนัก
ความทรงจำบางช่วงของผม
กลับสูญหายไป บ้านที่เราย้าย
ข้าวของที่สูญหาย
ทำให้ความทรงจำช่วงหนึ่ง
เป็นเพียงภาพเลือนๆ รู้ว่าเคยมีเคยเป็นอย่างนั้น
แต่หลักฐานเหล่านั้นสูญหายไป
แน่นอนเราจะเก็บมันไว้ยิ่งในวันคืนที่รู้ว่า
เราเคยสูญหายไป
Post a Comment
<< Home