1554 Better late than never.

บนทางฝัน แน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเวียนเข้ามาทักทาย เม่นน้อยในอ้อมแขนพร้อมสลัดขนแหลมทำร้าย ... ถ้าเลือกจะทำแล้ว อดทนเท่านั้น

Saturday, November 25, 2006

สะกิดสุข







ไม่รู้เหมือนกันว่า ความสุขที่ได้รับเมื่อวันก่อน จะยังส่งผลให้วันนี้มีรอยยิ้มอยู่บ้างไหม อะไรกันหนาคือสาเหตุของความสุขที่ถาวร สิ่งนั้นคืออะไร

เมื่อหลายปีก่อน ใบหน้าของผมเครียดจนเพื่อนๆต่างยินดีที่จะพาผมไปเที่ยวไหนต่อไหน ทั้งที่ผมมีสภาพบ้างาน พวกเพื่อนๆต้องการช่วยเหลือผม ให้ผมได้ผ่อนคลายบ้าง ผมยังแปลกใจไม่หายว่า ทำไมเพื่อนต้องทำดีกับผมขนาดนั้น ปล่อยผมไว้ให้อยู่เพียงลำพังอย่างที่ผมต้องการ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด การที่ผมต้องอยู่กับเพื่อนๆที่มีแต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และเรื่องสนุกๆ ทำให้ผม อดหัวเราะบ้างไม่ได้ ผมเริ่มยิ้ม และรับฟังประสบการณ์ขำๆจากพวกเขา

ผมจำเรื่องขำไม่ได้สักเรื่อง

รู้แต่ว่า เวลานั้น ผมหัวเราะ

เพื่อนคนที่ทำให้ผมหัวเราะมากที่สุด เสียชีวิตจาดอุบัติเหตุ เขาจากไปเมื่อหลายเดือนก่อน เงาสะท้อนจากตัวผมบอกว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมสามารถพูดคุยกับเงาของตัวองได้มาจากเพื่อนของผมคนนี้ คนที่ผมจะไม่สามารถถามเรื่องที่ผมสงสัย แล้วเขาตอบออกมาเป็นเรื่องตลกที่เข้าใจง่ายได้อีก

ผมจำชื่อเขาได้

และจำรอยยิ้มเขาได้

“กูมีอะไรอยากบอกมึงไว้อย่าง ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ มึงจะเครียดอะไรกับชีวิตนักหนา ดูอย่างกูนี่ พ่อกูก็ไม่เคยเห็นหน้า แม่กูก็ปากจัด มีเรื่องกับคนเขาไปทั่ว น้องกูก็แรด มึงดูสิ เรื่องมันน่าเครียดกว่า การที่มึงทำรายงานยากๆฉิบหายของมึงไม่เสร็จไหม ยิ้มซะบ้าง เพื่อน..รอยยิ้มมันต้องสร้างเอง ต่อไปมึงจะได้มีความฉลาดทางอารมณ์ ฮาฮา ..แบบกูไง”

ผมยังจำได้อีกว่า เพื่อนของผมคนนี้สามารถจัดการเรื่องสารพัดภายในบ้าน ในขณะที่ผมเป็นเพียงผู้เฝ้ามองปัญหาเมื่อเกิดขึ้นมา ผมคิดว่าความขลาดกลัวของผม น่าจะได้สักครึ่งของเกียรตินิยมที่ผมสั่งสมมา ได้ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์บ้าง จนเวลาที่มีปัญหา ที่ไม่ใช่การตีรูปประโยคสัญลักษณ์ การแทนค่า ในตำราเรียน ปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ผมกับแก้มันไม่ได้

ผมลืมไปหมดแล้ว

ผมไปงานศพเพื่อนของผม บรรยากาศเงียบเหงา ในกลุ่มเพื่อนของเรา ต่างเงียบซึม การจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้ใครๆยังไม่อาจตั้งตัวรับมันได้...

ใครจะสอนผมเล่นไพ่ ผมยังเล่นไม่เก่งเลย
ใครจะสอนผมเล่นกีต้าร์ ผมยังเล่นเสียงบอดอยู่เลย

“ที่กูสอน มึงก็หัดจำไว้บ้าง กูไม่ได้ว่างสอนมึงทุกครั้งนะโว้ย ไอ้ห่าทีเรื่องเรียนงี้เสือกจำแม่น เออ..ซ้อมๆเล่นไปเหอะ เดี๋ยวก็ได้เอง มันสำคัญที่การฝึกโว้ย ไม่ใช่คนสอน กูสอนเท่าที่รู้ นอกนั้นอยู่ที่มึง สายกีต้าร์มึงก็อย่ากดแบบกะเทยหัดแมนได้ไหม เสียงมันจะได้ไม่บอดแบบนี้ อุตส่าห์จำคอร์ดได้เสือกเล่นเสียงบอด”

ผมทบทวนเรื่องราวต่างๆ เพื่อนของผมตายไปพร้อมกับรอยยิ้ม เขาเต็มที่กับทุกอย่าง โดยมาตรฐานของความเป็นคนธรรมดา ผมต่างหากที่กำหนดรูปแบบชีวิตให้มีความซับซ้อน มากเกินกว่าจะเข้าใจ ผมกำหนดมันขึ้นมาเองทั้งสิ้น

จนนาทีที่ร่างเพื่อนของผมเข้าสู่พิธีฌาปน มันอาจเป็นจุดสิ้นสุดของการมีชีวิต แต่มันคือจุดเริ่มสำหรับผม

ความทรงจำคือความสุขอย่างหนึ่ง ผมไม่เกี่ยงอีกแล้วว่า ความทรงจำของผม จะอยู่ในข้างดีหรือร้าย สิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำ คือ จัดการกับสิ่งที่ผมเป็น ให้อยู่ในภาวะที่เป็นสุข เป็นสุขเท่าที่จะทำได้ เชื่ออย่างหนึ่งว่า ในชีวิตจริง ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจที่สุด ไม่ใช่ปริญญาจากสาขาต่างๆ ทว่า คือมันคือ การสามารถไขปัญหาที่เกิดขึ้น และควบคุมมันได้ต่างหาก

ความสุขที่ได้รับเมื่อวันก่อน จะยังส่งผลให้วันนี้มีรอยยิ้ม และสาเหตุของความสุข มันอยู่ที่ใจของเราเท่านั้นเอง



2 Comments:

Anonymous Anonymous said...

อ่านแล้วเหมือนกับคนล่ะคนเขียนเลยแฮะ อาจจะเพราะใช้คำว่า ผม ด้วยมั้ง? งง ฮ่ะๆ แต่ก็หนุกดีอะ อ่านเพลินดี

11:09 PM  
Anonymous Anonymous said...

แมวหมา

6:00 AM  

Post a Comment

<< Home