1554 Better late than never.

บนทางฝัน แน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเวียนเข้ามาทักทาย เม่นน้อยในอ้อมแขนพร้อมสลัดขนแหลมทำร้าย ... ถ้าเลือกจะทำแล้ว อดทนเท่านั้น

Thursday, December 14, 2006

ความสุขอย่างหนึ่ง



ในสภาพแวดล้อมที่บ่มสอนให้เห็นแก่ตัว แย่งชิง และเอาตัวรอด ในสังคมที่มีแต่ความเร่งรีบ และนาฬิกา มีค่ามากกว่าผิวที่สัมผัสรับรู้ความเข้มอ่อนของแสงตะวัน

ยังมีพื้นที่เล็กๆที่ นวลตอง รู้สึกว่า นาฬิกาไม่มีค่าความหมายอันใดเลย

นวลตองเป็นหญิงสาวร่างเล็ก เธอมีความหวังที่จะมีครอบครัวของตัวเองตามแบบความคิดของเด็กสาวทั่วไป ไม่ง่ายอย่างนั้น นวลตองมีภาระหน้าที่หลากหลาย

เธอทำงานบริษัทในตำแหน่งเสมียน พิมพ์จดหมายและยังพ่วงหน้าที่ธุรการอีกนอกจากนี้งานพิเศษของเธอคือ เป็นพนักงานต้อนรับให้กับโรงแรมจิ้งหรีดแถวบ้านหลังเลิกงาน

ทุกวัน..ใบหน้าของนวลตองมีแต่รอยยิ้ม เธอยิ้มให้เพื่อนร่วมงานและลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไทย หรือชาวต่างชาติ รอยยิ้มของเธอทำให้เป็นที่รู้จัก ฟันที่หลุดหลอ สร้างอารมณ์ขันให้ผู้พบเห็น ไม่มีใครใส่ใจหรอกว่า หญิงสาวคนนี้ จะมีฟันครบทุกซี่หรือไม่ ไม่มีใครสนใจกันมากขนาดนั้น เพียงแค่ต่างคนต่างทำในหน้าที่ของตนเอง เท่านั้นก็พอแล้ว

“วันนี้หน้าแกหมองๆ นะตอง เมื่อคืนอยู่ดึกรึ” เจ้เฮี้ยงร่างตุ๊ต๊ะ ขยับร่างไปมาขณะยกแก้วซดกาแฟเสียงดังลั่น“ก็ช่วงนี้คนมาเที่ยวกันเยอะ มันจะปีใหม่แล้วงานหนักหน่อยนะจ๊ะ กลับบ้านไป ก็ไปทำงานบ้านที่ค้างไว้ ตอนนี้แม่เดินไม่ค่อยได้ กว่าจะได้นอนก็จะตีสองแล้วพี่” นวลตองเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วกางร่างจดหมายที่ต้องพิมพ์ในวันนี้“หน้าโทรม” เจ้เฮี้ยงเบ้หน้าพร้อมทั้งกลืนกาแฟอึกสุดท้าย

นวลตองไม่สนใจการกระทำที่เกี่ยวข้องกับความสวยของเธอ แม่ของเธอปลอบโยนที่เธอเคยตัดพ้อน้อยใจขอเงินไปใส่ฟันปลอม หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุหลังจากที่ฟันแท้เพิ่งขึ้นมาไม่นานนัก

“คนที่เขาเกิดมาพิการ มือตีนด้วน เขาน่าสงสารกว่าเราอีก เรามือตีนดีเท่านี้ก็ดีแล้วลูกเอ๊ย” นางสมัยปลอบลูกเป็นประจำ จนเมื่อสาม สี่ปีก่อนหลังจากที่นวลตองอายุครบยี่สิบ นางจึงเลิกพูด เพราะลูกสาวไม่มีทีท่าว่าจะรบเร้าขอเงินไปทำฟันปลอมอีก

“นี่นี่ตอง.ได้ข่าวว่าโรงแรมที่เธอทำหน่ะ มีคนมาขายตัวหลังร้านหรอ นี่ถ้าได้เรื่องรู้เห็นอะไรมาเล่าให้ฉันฟังบ้างสิแก ฉันอยากรู้” สายตาสอดเห็นของฉวีสอดรับกับไฝกลมดำเด่นเหนือฝีปากบน

ฉวีเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของนวลตอง รับรู้เรื่องราวของเธอมาตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใน สองปีที่รู้จักกัน ไม่มีใครรู้เรื่องของนวลตองได้ดีในเวลาอันสั้นเท่าฉวี นอกจากนวลตองแล้ว ฉวียังรู้จักกับคนในบริษัทชนิดที่เรียกว่ามากกว่าเพื่อนสนิทจนค่อนไปทางญาติผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำ

“ไปเอาข่าวมาจากไหน ขายตงขายตัวอะไร โรงแรมเล็กๆแบบนั้น มานอนอย่างเดียวก็คุ้มเกินพอแล้ว ค่าเช่าแสนถูก จะไปมีอะไรแบบนั้นทำไม ถึงมีใครเขาจะเข้าร้าน ไม่ได้เปิดแบบอาบอบนวดนะจะได้จัดดร้านให้น่าเข้าน่ะ” นวลตองพักสายตาจากงานพิมม์ หันหลังมาคุยกับเพื่อนเสมียนด้วยกัน

“ข่าวเขาลือกันให้แซด ระวังเหอะจะโดยไอ้พวกนั้นมันหลอกเอา ฉันงี้ไม่ไว้ใจพวกมันเลย ผู้หญิงอย่างเรามีแต่จะเสียเปรียบนะแก่นะ” ฉวีลากเสียงหนักกว่าเก่า แสดงอาการใคร่รู้เรื่องที่เธอคิดว่านวลตองรู้มากกว่า สายตายังคงมองขึ้นลงบนร่างที่บอบบางไร้เรี่ยวแรงของนวลตอง พรางเอ่ยว่า “แต่ผอมแห้งอย่างแก ก็คงไม่มีใครเอาหรอกมั้ง ถ้าอย่างฉันล่ะไม่แน่”

“อยากมีหรือไงล่ะ จะติดต่อให้” นวลตองพูดยิ้มสัพยอก“โอ๊ย...ไม่หรอกย่ะ ลำพังผัวคนที่นอนด้วยเนี่ยฉันก็หมดแรงจะไปทำอย่างอื่นแล้ว คนอาร๊ายเอาได้ทั้งคืน เนี่ยฉันอยากมีลูกจะตายไป ท้องแล้วจะได้พักบ้าง มีผัวไปจนแก่ตายไม่มีลูกไว้ใช้สอย พอดีแก่ตัวลำบาก แต่มาคิดๆ ท้องแล้ว มันคงไปเอาคนอื่นล่ะมั้ง” ฉวีพูดคุยออกรสชาติ

นวลตองหน้าชา เธอไม่คุ้นนักกับเรื่องครอบครัว หนุ่มสาว ความรักและความใคร่ อายุของเธอล่วงเลยมาเข้า 28 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยมีคนรักอย่างใครอื่น เธอคิดว่าสักวันอาจมีคนที่มองข้ามรูปร่าง และความจนกับความรู้วุฒิ ปวส.ของเธอไปได้ เธออยากมีคนรัก

“อีหลอ .. อีหลอ .. อีหลอ”เสียงล้อเลียนจากเพื่อนชายคนหนึ่ง ยังคงฝังจำอยู่ในใจของนวลตอง

“หลอรี่ ไปกินข้าวกัน” นวลตองหันหน้าไปยังต้นเสียง เธอมีสีหน้าเหยเกทันที ไม่รับรู้รอยยิ้มที่ต้นเสียงส่งมาให้

“ไม่หิวหรือครับคุณนวลตอง หรือจะอดข้าว ไม่เอาน่า ผอมจนจะเป็นไม้เสียบผีอยู่แล้ว จะให้กระดูกมันโผล่ออกมาเลยหรือไง” ต้นเสียงยังคงเซ้าซี้ชักชวน

“ไปกับฉันก็ได้นะ กวิน” ฉวีเก็บของบนโต๊ะหยิบกระเป๋าเงินใบเล็ก และสวมรองเท้าฟองน้ำเตรียมตัวพักกลางวัน“เออ..” กวินหันหน้ามาที่นวลตองพร้อมสะกิดหยอก “ ไปสิ หลอศรี แม่คนสวย เก็บของ ไปกินข้าว ถ้าไม่มีเงินเดี๋ยวให้ยืม” กวินยิ้มยียวน

ปมด้อยของนวลตองเรื่องรูปร่างที่ผ่ายผอม และฟันหน้าที่ไม่ครบนัก ทำเธออับอายเป็นระลอก แล้วแต่ความพอใจของใครอื่นที่จะนึกพูดขึ้นมา ทำให้นวลตองไม่กล้าคิดถึงเรื่องความรัก ทั้งที่มันเกิดขึ้นกับเธอนานแล้ว

กวินเป็นเพื่อนที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่ประถม ตอนที่ฟันหน้าของนวลตองหัก กวินอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ฟันแท้ของนวลตองต้องมาสิ้นอายุเสียตั้งแต่อายุได้ 12 ขวบ ในงานโรงเรียนที่เธอเรียนจบ ประถม 6 กวินขว้างลูกบาสเกตบอลใส่เพื่อนอีกคน แต่ไปโดนนวลตองล้มหน้าฟาดพื้น ผลคือฟันแท้ที่เพิ่งขึ้นมาไม่นานดีนัก โยกและหลุดหลอจนทุกวันนี้

เสียงร้องไห้ของนวลตองยังดังมาถึงปัจจุบัน เธอไม่โกรธกวินเลย เพราะกวินเป็นคนเดียวที่คอยชกต่อยเพื่อนคนอื่นๆที่ว่าเธอ

“อีหลอ..อีหลอ...อีหลอ”

นวลตองไม่อยากได้ชื่อนี้ เธอเก็บเงินเพื่อเอาไปเป็นค่ารักษา ทำฟันปลอมเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดุตา สะดุดใจของใคร จนแล้วจนรอด เงินที่พอจะเก็บได้ถึงร้อย ก็เหลือศูนย์เมื่อข้าวในปี๊บเริ่มหมดลง ทุกครั้งเงินของนวลตองจะถูกดึงมาใช้ซื้อข้าวสารและไข่ ไม่เคยเลยที่มีเหลือพอถึงฝั่งฝัน ฝันที่จะมีรอยยิ้มบนเรียวฟันที่ขาวน่าประทับใจ มิใช่แหว่งโหว่ดูน่าขำแบบนี้

เงินพิเศษของนวลตองออก

เธอรับซองจากเจ้เฮี้ยง ในนั้นมีธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาท จำนวนสิบใบ เธอทำงานนอกเวลาให้กับบริษัท เงินจำนวนนี้เป็นค่าแรงที่มากกว่าทุกเดือน เธอจะเอาเงินไปทำฟัน

นวลตองเคยถามราคาค่าทำฟันปลอมหนึ่งซี่ราคาสองพันบาท เงินเก็บนี้ยังห่างไกลความจริง

“ตอง โกรธหรือเปล่าเนี่ย ขอโทษที่เรียกชื่อนั้นไป ตอง เฮ้ยขอโทษ ได้ยินไหม” กวินโทรมาขอโทษที่โต๊ะทำงาน นวลตองได้แต่เงียบเฉย

เธอวางโทรศัพท์ไปทั้งที่ยังไม่ได้ตอบกลับคำใดยังปลายสายเลย ประกายที่ดวงตา บ่งบอกว่าเธอไม่โกรธ รอยยิ้มที่มุมปากบอกว่าเธอมีความสุข

นวลตองเดินผ่านคลีนิคทำฟัน อีกไม่ช้าเธอจะได้เข้าไปทำฟัน ทำฝันของเธอให้เป็นจริงเสียที

“ไอ้ตอง เป็นอะไรไปวะ โทรไปก็ไม่พูด โกรธอะไรนักหนา ก็น่าจะรู้ว่าล้อเล่น” กวินวิ่งตามมาถึงหน้าคลินิค“ไม่ได้โกรธ นี่อีกหน่อยฉันจะทำฟันแล้วนะ เก็บเงินพอได้แล้วล่ะ ต่อไปไม่มีหลอรี่ของแกแล้ว วินเอ๊ย” นวลตองพูดยิ้มๆ“แกคงสวยขึ้นนะ” กวินเอ่ยขึ้นมาเบาๆ“ฉันไม่ได้อยากสวยหรอก แค่อยากบดเคี้ยวอาหารให้ดีกว่านี้ ลำบากนะจะเคี้ยวอะไรที แล้วก็ไม่ชอบเวลาคนมาโจมตีปมด้อยของฉัน มันสนุกนักหรือไงก็ไม่รู้”

กวินเดินมาส่งถึงปากซอยบ้าน ในวันที่นวลตองไม่ได้ไปทำงานที่โรงแรมจิ้งหรีด เพราะโรงแรมถูกปิดตรวจสอบ 1 วัน สำหรับนวลตองรายได้พิเศษไม่สำคัญเท่ารายได้หลัก ไม่ทำงานเธอก็กลับมาดูแลแม่ แม่พับถุงกระดาษขายเจ้ทุมขายกล้วยแขก ได้วันละ 10 บาท วันนี้เธอจะพับถุงกระดาษ

“ตอง...ฉันขอโทษ”“เรื่องอะไร ถ้าเรื่องตอนเด็กๆล่ะก็ ลืมมันไปเถอะ ฉันลืมมันไปนานแล้ว”“ขาดเงินอีกเท่าไหร่ จะเอามาให้ คราวนี้ล่ะ จะได้ไถ่โทษเต็มๆเสียที”“มันเป็นอุบัติเหตุ อย่าคิดมากเลย ไปแล้วล่ะ แม่รอกินข้าว คืนนี้จะช่วยแม่พับถุงกระดาษหน่อย”


กวินและนวลตอง แยกย้ายกันกลับบ้าน ทิ้งเรื่องคาใจเอาไว้ทั้งสองคน

ที่จริงวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของกวิน นวลตองมีของขวัญมาให้ มันคือกระเป๋าถักสีเทาฟ้า สีที่กวินชอบ มันยังนอนซุกตัวอุ่นอยู่ในกระเป๋าของเธอ เธอตั้งใจว่าจะมอบให้เหมือนเช่นทุกปี ทว่าปีนี้ บางสิ่งที่พิเศษในใจของเธอ ดูท่าจะไม่ได้เป็นความลับอีก นวลตองสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของชายหนุ่ม ผู้เป็นเพื่อนคนนี้

ไม่นานนัก เงินสะสมของนวลตองพอกเพิ่มจนสามารถบันดาลฝันซี่สวยให้เธอได้ดังใจ อาศัยเวลาเย็นของวันเสาร์หลังเลิกงานครึ่งวัน เธอเดินเข้าร้านทำฟันได้อย่างมีความหวัง

เพียงสองชั่วโมง ฟันหน้าที่ขาดหาย ก็เติมเต็มให้ดูปกติ ไม่หลอขาดอย่างที่เคยเป็น เธอยิ้มให้ตัวเองในกระจก “นวลตองคนใหม่”

เจ้เฮี๊ยงทักเป็นคนแรก นอกจากเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลแล้ว เจ้เฮี๊ยงยังเป็นกระบอกเสียงให้กับบริษัทอีกด้วย ข่าวการทำฟันของนวลตอง ดังเสียยิ่งกว่าข่าวการยกเลิกการขายหวยบนดิน กวินได้ข่าวนี้จากเจ้เฮี๊ยงเช่นกัน

“ไหนยิ้มสิ ตอง แหม สดใสกว่าเดิมอีกนะ” ฉวีเม้มปากขณะเชื้อเชิญให้นวลตองส่งประกายยิ้มรับซี่ฟันที่เพิ่งถูกเติมเต็ม

“พอแล้วๆเหงือกแห้งพอดี กะอีแค่ไปทำฟันมา ทำไมต้องเม้าท์กันให้แซดด้วยเนี่ย มาดูข่าวความคืบหน้าของคณะรัฐประหารดีกว่า สามเดือนแล้วนะ ดูสิมีผลงานอะไรบ้าง”นวลตองเฉเรื่องไปการเมืองบัดเดี๋ยวนั้น รอยยิ้มบนแก้มคนละเรื่องกับข่าวที่เธออ่าน เพราะนั่นเป็นข่าวการเมืองที่น่าสังเวชใจ ตรงกันข้ามกับข้างในใจของเธอที่พองโต เมื่อมองเห็นความธรรมดาบนใบหน้า ที่จะไม่ใครล้อว่า อีหลอ ได้อีก

กวินไม่ได้มากินข้าวกับนวลตองและฉวี เขาหายไปนาน หัวหน้าฝ่ายส่งเขาไปติดต่องานที่ต่างจังหวัด

โรงแรมจิ้งหรีดถูกตกแต่งให้น่าเข้ามากขึ้น มีลูกค้ามากขึ้น นวลตองเป็นที่รักของทั้งเพื่อนร่วมงานและแขกที่มาพัก

“อ้าว กวิน มาทำอะไรที่นี่ ดึกดื่นป่านนี้ไม่กลับบ้าน” นวลตองตกใจที่เห็นชายที่มายืนเบื้องหน้าไม่ใช่ลูกค้า แต่เป็นเพื่อนของเธอเอง

“ตอง เลิกงานแล้วของพูดอะไรหน่อยสิ”“พูดตอนนี้เลย ไม่ชอบค้างๆคาๆ ว่ามา ลูกค้ากำลังโล่ง”

“ตอง ชอบไอ้ผู้จัดการตือบะนั่นหรอ”“ใคร...เฮียเหวงหรอ......ไปว่าเขาตือบะ ถ้าเขามาได้ยินนะ มีหวังโดนด่าสิ”“ใครเขาจะไปว่าตอง เขาออกจะรัก”“แล้วคิดว่าฉันรักเขาหรือไง”

ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวไม่วางตา

“ฉันชอบแกหว่ะตอง”“..............................”

กวินพานวลตองมาที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียนวัดไผ่สีสุก โรงเรียนที่จบมาด้วยกัน และเป็นโรงเรียนที่เป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด เรื่องของนวลตองกับฟันที่หายไป

“ตรงนี้ใช่ไหมที่ไอ้ห่านมันจะแกล้งตอง”“ใช่ ตอนนี้มีชิงช้ามาตั้งแทนแล้ว”“ทีแรกกะว่าจะเอาลูกบาสฯปามันให้มึนก่อนจะเข้าไปเตะมันสักที แต่ที่ไหนได้ เล็งพลาด โดนเธอซะอย่างนั้น หลอเอ๊ย...เจ็บตัวเลย” กวินลูบผมสาวคนรักพร้อมเขย่าไปมาเล็กๆ

“มีอะไรจะแก้ตัวไหม”“ไม่มีครับ...ผมขอรับความผิดพลาดทุอย่างเอง”

“งั้นดีแล้ว เอาฟันปลอมเธอออกซะ ถึงตาที่เธอต้องเป็นไอ้หลอบ้าง” นวลตองจ้องหน้าพร้อมกับบีบมือแน่น

ฟันปลอมแบบถอดได้ของกวินอยู่ในกำมือ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ราวกับว่า ได้ดึงให้เขาและเธอไปสู่วัยเด็กอีกครั้ง

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

“อีหลอ...อีหลอ...อีหลอ”“มึงด่าใครอีหลอ” เด็กชายกวินกระชากเสื้อเพื่อนนักเรียนเจ้าของคำ อีหลอ

“แล้วมึงเสือกอะไร” เพื่อนนักเรียนท่าทางกวนประสาทผลักอกแล้วกระชับเสื้อเข้าที่“ถ้ามึงด่าตอง มึงขอโทษมาเดี่ยวนี้”“ก็ไม่พูด มีไรมะ ไอ้ควาย”

ควายเป็นสัตว์น่ารักที่กวินชอบมาก แต่การที่มีคนมาชี้หน้าด่าว่าไอ้ควายทำให้เกิดความโมโหทวีเข้าไปอีก ไม่ใช่เพราะเปรียบตัวเหมือนควาย ทว่ามันเป็นคำดูแคลนอดีตลูกชาวนาคนหนึ่งเท่านั้น

หมัดแลกหมัด

ตีนตอบตีน

กวินพูดไม่ชัดไปนาน ฟันหน้าสองซี่หัก

ฟันปลอมมาสวมรอยทับ กวินโชคดีกว่าที่พ่อแม่เขาขายที่นาได้พอมีเงินร่ำรวยจับจ่ายกว่าแต่ก่อน

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

“ดูเด็กลงเลยล่ะ..วิน”“บ้าฉิ พูดก็ไม่ชัก จะชมเธอว่าฉวยฉะหน่อย ฮิฮิ”

“ทีหลังก็ไปทำแบบถอดไม่ได้สิ จะได้ไม่ต้องตามใจฉันแบบนี้” นวลตองยิ้มตาหยี และหยิบถุงถักที่ตั้งใจจะให้เมื่อวันเกิดของกวินที่ผ่านมาจวนจะครึ่งปีแล้ว

กวินรับและหอมแก้มนวลตองเป็นของขวัญตอบแทน

“ใฉ่ได้ยังอ่ะ ตอง มันโล่งๆไงไม่รู้ ไว้วันหลังค่อยถอดใหม่นะ”

“จ๊ะ ตกลง”

“วิน !! ถ้าวันหลังเธอดื้อมาล้อเลียนล่ะก็ จะถูกถอดฟันไปปาทิ้งน้ำนะ”“จ้า...แม่นวลตองยิ้มสวย...รู้อะไรไหม ต่อให้ตองฟันหลอ วินก็ชอบนะ ชอบมานานแล้ว” คราวนี้นวลตองถูกหอมฟอดใหญ่

พื้นที่เล็กๆที่ นวลตอง เกิดขึ้นแล้วในใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่า นาฬิกาไม่มีค่าความหมายอันใดเลย นี่ผ่านมานานเท่าใดกัน รอยยิ้มที่มีฟันสวย หรือหลุดโหว่ ยังเป็นที่ต้องการของเขาอย่างเดิม

ความสุขอย่างหนึ่งที่เกิดจากรอยยิ้มของคนรักกัน ที่ยอมรับในข้อบกพร่องของกัน คงพอแล้วที่จะเรียกว่าสิ่งมีค่า ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสังคมที่มีความเห็นแก่ตัว

“ไปกินอะไรกันดีจ๊ะตอง”“ตองอยากกินกาละแมหน่ะ ไม่ได้กินนานแล้ว”


**************************************

1 Comments:

Anonymous Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับบทความนะค่ะ

8:34 PM  

Post a Comment

<< Home